เวย์น รูนี่ย์ ถ้าจะมีการเอ่ยชื่อนี้ออกมาคาดแต่ว่าสำหรับทุกคนที่เกิดในยุค 90 แล้วละก็น้อยคนที่จะไม่รู้จักซึ่งหลาย ๆ คนยังมีเขาคนนี้เป็นไอดอลอีกด้วยในการเล่นฟุตบอล ซึ่งเป็นคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทั้งพละกำลังเทคนิคความแข็งแกร่งและสติปัญญาในการเล่นที่หาจังหวะทำประตูที่แพรวพราวที่สุดเท่าที่เคยมีมาและถูกจัดได้ว่าเป็นสุดยอดนักเตะที่มีผลงานอันโดดเด่นเสมอมาจนเขาได้ล้างลาไปจากสนามเข้าสู่ตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอล DC United ในปัจจุบัน
เวย์น รูนี่ย์ สุดยอดตำนานที่ยังมีลมหายใจอยู่นี้เขานั้นเกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม คริสต์ศักราช 1985 โดยเป็นสุดยอดอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษที่เล่นในตำแหน่งกองหน้า ซึ่งปัจจุบันได้ทำการแขวนสตาร์ทไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เจาะอดีตประวัติยอดขุนพล
นั้นเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับทีมเอฟเวอร์ตันตั้งแต่ปี 2001 โดยมาในครั้งแรกในฐานะที่เยาวชน ซึ่ง เวย์น รูนี่ย์ นั้นมีบ้านเกิดอยู่ในย่านดร็อกซ์เทธ ของเมือง โดยที่ในตอนแรกตัวเขาเองนั้นยังมีความปรารถนาจะเล่นให้กับเอฟเวอร์ตันเป็นอย่างมาก เพราะมีภาพประทับใจในการสวมเสื้อยืดที่พิมพ์ลายสกรีนจำนวนมหาศาลพร้อม ๆ กันในตัวอักษรที่ว่า once a blue ,Alway a Blue และแน่นอนว่าเขายังได้รับแรงบันดาลใจจากการฝากเนื้อฝากตัวเป็นสาวกของท๊อฟฟี่เม้นท์จากครอบครัวและยังมีใจกับเอฟเวอร์ตันเสมอมาโดยใส่เสื้อหมายเลข 18 และในตอนนี้ขอกล่าวถึงนัดที่ทำให้เขานั้นและมีชื่อเสียงโด่งดัง และทำให้คนทั้งโลกได้รู้จักกันนั่นก็คือนัดที่เขายิงประตูช่วย เอฟเวอร์ตัน ต้นสังกัดเอาชนะ อาร์เซนอล ในปี 2002 ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้ทำการลงสนามเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ ซึ่งจากเดิมเป็นเพียงแค่นักเตะฝึกหัดของสโมสรที่ได้รับค่าจ้างเพียง 10 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยฟอร์มการเล่นของเขานั้นได้มีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกระทั่งปี 2004 ที่ เวย์น รูนี่ย์ นั้นได้ทำการเซ็นสัญญาย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งทำสติดีเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีค่าจ้างนักเตะสูงที่สุดและแพงที่สุดในโลกในขณะนั้นเลยทีเดียว ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่าตัวสูงถึง 25.6 ล้านปอนด์หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งเขานั้นได้ประเดิมด้วยเสื้อหมายเลข 8 และยังได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 75,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเขาคนนี้นั้นก็ยังได้รับเกียรติในการได้ร่วมเล่นกับทีมชาติอังกฤษโดยสวมเสื้อหมายเลข 10 อีกด้วย
จังหวะในอดีตที่ทำการคว้าตัว
ต่อมาได้มีการติดต่อจากสโมสร Newcastle และสโมสรอื่น ๆ ที่แย่งตัว เวย์น รูนี่ย์ ยอดนักเตะคนนี้ทั้ง Manchester United, Chelsea, Real Madrid ในไม่กี่วันก่อนตลาดซื้อขายจะปิดและแล้วแม็กคลายก็ได้เริ่มเปิดการเจรจาต่อรองในตัวนักเตะโดยมีการเซ็นสัญญาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเพียงแค่ 4 ชั่วโมง ก่อนตลาดปิดเท่านั้น ซึ่งครั้งต่อมาที่ Wayne Rooney ได้สู่โอลทัฟฟอตด้วยค่าหน่วยเริ่มต้นที่ 20 ล้านปอนด์ที่ทางสโมสรจะจ่ายให้เอฟเวอร์ตันทันทีและจะเพิ่มอีก 7 ล้านปอนด์โดยเจ้าหนูคนนี้ได้โชว์ฟอร์มได้ดีกับสโมสร และในรูปแบบทีมชาติซึ่งนัดแรกที่ เวย์น รูนี่ย์ ได้ลงเล่นในนาม Manchester United ก็กลายเป็นนัดประวัติศาสตร์อีกหนึ่งนัดที่เขาสามารถทำแฮตทริกซ์ได้ในการลงสนามด้วยการยิงประตู เฟแนร์บาห์เช ในเกมแชมเปียนส์ลีกในวันที่ 28 กันยายน โดยเป็นการยิงประตูนัดแรกในพรีเมียร์ลีกให้กับทีมปีศาจแดง นั่นก็คือการยิงประตูอาร์เซนอลในวันที่ 24 ตุลาคม 2547 ช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ถึง 2 ต่อ 0 ในโรงละครแห่งความฝัน ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้ รูนี่ย์ ได้ฉลองอายุครบ 19 ปีพอดี ซึ่งในตอนนี้เหล่าผีแดงและกองทัพสั่งได้รู้แล้วว่าฮีโร่ตัวจริงได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว
โดยต่อจากนั้นไม่นานพรสวรรค์ของเขาก็โด่งดังในระดับนานาชาติเป็นนักฟุตบอลที่ติดทีมชาติอังกฤษแล้วได้ลงเล่นในขณะที่อายุน้อยที่สุด โดยที่เขาได้ลงเป็นตัวสำรองในนัดพบกับ ทีมชาติออสเตรเลียที่ อัพตัน พาร์ค อีกครั้งเขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับทีมชาติซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 17 ปี ในเดือนกันยายน 2003 ในเกมที่พบกับมาซิโตเนีย ชื่อเสียงของ ยังเป็นที่เลื่องลือในระดับโลกในฐานะนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่ครั้งนั้นที่มาพร้อมกับพรสวรรค์โดยเมื่อครั้งที่เขาโชว์ฟอร์มในฟุตบอลยูโร 2004 ที่โปรตุเกส ซึ่งในรายการนี้เขาทำได้ถึง 3 ประตูจากการเล่น 4 นัด โดยเขานั้นสามารถทำประตูได้ในนัดที่พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ และทางด้าน โครเอเชียซึ่งในครั้งนั้นเขายังเป็นที่สนใจของหลากหลายทีมรวมถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เฝ้ามองฟอร์มของหนูน้อยยอดนักเตะอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นที่มาของการเจรจาต่อรองเป็นเวลานานจน เอฟเวอร์ตัน ทนแรงกดดันไม่ไหวจึงจำใจตกลงขายยอดนักเตะคนนี้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง ฤดูกาล 2015-16 เวย์น รูนี่ย์ สามารถยิงถล่มประตูได้ในทุกรายการสูงถึง 15 ประตูพร้อมยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพสมัยที่ 12 และเป็นสมัยแรกของชีวิตของ เวย์น รูนี่ย์ มาครอง ได้สำเร็จ
ในศึกยูโร 2016 รอบสุดท้าย เวย์น รูนี่ย์ ไม่มีชื่อติดทีมชาติและได้ลงสนามไป 4 นัดยิงได้ 1 ประตูโดยเขาลงเล่นเป็นกองกลาง ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ในทิศทางลบเป็นอย่างมากจนทำให้อังกฤษตกรอบ 16 ทีม สุดท้ายและแพ้ไอร์แลนด์ไป 1-2 ในฤดูกาลที่ 2016-17 ยังได้ทำการเปิดตัวเป็นตัวหลัก และตัวสำรองในทีมของมูรินโญ่ ซึ่งเขาได้ทำลายสถิติของเซอรบ๊อบบี้ชาร์ลตันที่ทำไว้ 249 ประตูให้ Manchester United ได้แล้ว ซึ่งเขาสามารถถล่มได้ถึง 253 ประตูเลยทีเดียว จึงเป็นเรื่องที่นับได้ว่า เวย์น รูนี่ย์ นั้นเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่ธรรมดาและในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีผู้ที่กล่าวขานถึงนามของเขาอยู่เสมอแม้เขาจะไม่ได้ลงสนามฟาดแข้งแล้วก็ตามที ซี่งเขานั้นยังคงอยู่ในฐานะยอดขุนพลตลอดกาลของ ปีศาจ แดง