ข้อมูลนักเตะ
เฮนโด้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นับว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ของคำว่าสุดยอดตลอดกาลเลยก็ว่าได้ กับตำแหน่งกองกลางกัปตันทีมหงส์แดงที่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับทีม และกลายเป็นนักเตะคนแรกของทีมที่ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกในรอบ 30 ปี โดยประวัติของเขานั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ซึ่งถ้าหากใครอยากจะรู้แล้วละก็เชิญตามประมาททางนี้ได้เลย
Jordan Henderson เกิดวันที่ 27 มิถุนายน 1990 ในเมืองซันเดอร์แลนด์ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันมีอายุ 30 ปี โดยเล่นในตำแหน่งกองกลางที่มีส่วนสูงถึง 182 เซนติเมตร และเป็นผู้มีสติปัญญาไหวพริบพร้อมกับความคล่องตัวที่เลอเลิศในการเตะฟุตบอลที่เรียกได้เลยว่าไม่ธรรมดา เส้นทางลูกหนังของ เฮนโด้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นั้นเขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง และแน่นอนว่าเขาก็เหมือนกับเด็กน้อยชาวอังกฤษทั่ว ๆ ไปที่มีความชื่นชอบและหลงใหลในกีฬาฟุตบอลเป็นที่สุด เนื่องจากว่าตัวของเขานั้นมีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมกรมตำรวจเดอแรมนั่นเอง จึงเป็นเหตุผลเพียงพอว่าเพราะเหตุใดเขาจึงชื่นชอบเจ้ากีฬาลูกกลม ๆ นี้ยิ่งนัก ซึ่งต่อมาเขาก็ได้เข้าไปเป็นนักกีฬาฝึกหัดของซันเดอร์แลนด์ทีมลูกหนังชื่อดังย่านบ้านเกิดของเขานั่นเอง ซึ่งเนื่องจากเขานั้นไม่ได้เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์มากนักทำให้ henderson หนูน้อยคนนี้จะต้องเพิ่มความขยันที่จะพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้ทัดเทียมของคนอื่นอยู่ตลอดเวลาจนโค้ชในทีมเยาวชนต่างออกมายกย่องสำหรับการเป็นเด็กหัวใจสู้อย่างแท้จริง เริ่มแรกทีเดียว เฮนเดอร์สัน นั้นเริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งปีก ซึ่งเขานั้นทำผลงานได้ค่อนข้างดีทีเดียวต่อมาเขาก็ได้พัฒนาฝีเท้าขึ้นเป็นตัวหลักของทีมเยาวชน และสามารถที่จะช่วยพาทีมของตนนั้นคว้าแชมป์ลีกเยาวชนยู18 ได้ในปี 2008 อีกต่างหากเรียกว่าพากันปลื้มสุด ๆ เลยทีเดียว
การเตรียมตัวและเดินทางในสายลูกหนัง
Jordan Henderson เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความตั้งใจในปี 2009 เพื่อเพิ่มเติมประสบการณ์ทางทีมจึงได้ทำการปล่อยตัวเขาไปเพื่อเก็บเกี่ยวและขัดเกลาฝีเท้า ซึ่งทางโคเวนทรี ซิตี้ ได้ยืมตัวเขาไปเล่นให้กับทีม ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากเลย โดยที่ทีมนี้เขายังได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องและเป็นกำลังสำคัญของทีม ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอย่างรวดเร็วเพราะลงสนามไปทั้งหมด 13 นัดและทำไปได้ 1 ประตูนั่นเอง
อาการบาดเจ็บลงเล่นไม่ได้
สำหรับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นั้นไม่เคยผ่านความโชคร้ายที่มาเยือนแบบช่วยไม่ได้ เขาได้รับบาดเจ็บตอนปะทะกับคู่แข่งในสนาม ใน season ที่กำลังไปได้ดีในตอนนั้นก็ดับปุ๊บลงทันทีเพราะเขาถูกส่งกลับไปรักษาตัวกับทางซันเดอร์แลนด์ต้นสังกัดเดิม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรและฤดูที่ 2009 ถึง 2010 เจ้าตัวก็ต้องกลับมาฟิตพร้อมความสมบูรณ์เพื่อลงซ้อมได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งเขาก็ไม่ได้อยู่ในทีมเยาวชนอีกแล้วเพราะเขาได้เล่นในทีมชุดใหญ่นั่นเอง
เฮนเดอร์สัน สามารถก้าวขึ้นมาเล่น กับทีมชุดใหญ่ในตำแหน่งกีดขวาง ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมยึด ตำแหน่งนี้เล่นได้แบบยาว ๆ จนกลายเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ถูกจับตามองในขณะนั้น ประมาณเมื่อปี 2010 / 2011 เฮนโด้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการเล่นของเขาเมื่อทางด้านสตีฟ บรูช หัวเรือใหญ่ทับแมวดำในเวลานั้นได้โยกเขาไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งจะมีความสำคัญสำหรับเป็นการขับเคลื่อนเกมแดนกลาง และสำหรับผู้ที่ใจมันได้อย่างแม่นยำและเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเช่นเขานั้นการเล่นดังกล่าวนี้สามารถทำได้อย่าง Perfect กว่าการเล่นริมเส้นเสียอีก ทำให้เจ้าตัวนั้นได้รับตำแหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีประจำฤดูกาล 2010-2011 ของสโมสรรวมถึงได้รับการต่อสัญญาอยู่กับทีมยาวไปถึง 5 ปีเลย แต่ใครจะรู้ว่าความยิ่งใหญ่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
การเคลื่อนไหวเข้าสู่ยอดทีมลิเวอร์พูล
หลังจากที่ Henderson นั้นกลายเป็นแข้งเนื้อหอม บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ก็เตรียมหมายปองให้ไปร่วมทีมแต่แล้วก็เป็นทางด้านของลิเวอร์พูลที่สามารถเจรจายื่นข้อเสนอซื้อตัวของเขาได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย โดยหงส์แดงได้ตัดสินใจทุ่ม เงินถึง 20 ล้านปอนด์เพื่อกระชากตัวของกลางสุดฮอตคนนี้ไปร่วมทีม โดยจะนำมาเป็นตัวตายตัวแทนของ สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่อยู่ในช่วงปลายของอาชีพนักฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อย แต่ในฤดูกาลแรกที่ไปเยือนในถิ่นของ ลิเวอร์พูลเขากลับทำไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่ในฤดูกาลต่อมาก็เริ่มปรับขยับและลงเป็นตัวจริงมากยิ่งขึ้นส่งผลให้เขาทำผลงานได้ดีจนเบียดเจอราดลงไปเป็นตัวสำรองท้ายที่สุดแล้ว เมื่อจบฤดูกาลเจอร์ราร์ดก็บอกลาไปอยู่กับทีม LA Galaxy ทีมลูกหนังในอเมริกา แล้วทำการแต่งตั้งให้ เฮนโด้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นกัปตันคนใหม่ของสโมสรในวันที่ 1 มีนาคม 2015 นั่นเอง ตัดมาช่วงเวลาที่สำคัญในปี 2019-2020 นั้นสิ่งที่แฟนหงส์แดงรอคอยมานานแสนนานได้สิ้นสุดลง เมื่อ เฮนโด้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และเพื่อน ๆ ผู้ร่วมทีมและเส้นทางแห่งความสำเร็จในลิเวอร์พูลได้เดินหน้าระเบิดฟอร์มร้อนแรงแบบสุด ๆ แบบไม่เห็นฝุ่นและสามารถที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่สมใจนึก และถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรและของตัวเขาเองอีกด้วย
