ลู้ก ชอว์ หนึ่งในแบ็คซ้ายจอมแกร่งสังกัดสุดยอดทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยในตอนนี้ได้โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในเกมแดงเดือดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ที่ผ่านมาได้อย่างสุดมันส์ ซึ่งเขาคนนี้นั้นต้องบอกเลยว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ไม่ธรรมดา และมีฟอร์มในการเล่นที่เหนือชั้นอยู่เสมอ ซึ่งถ้าหากจะถามถึงว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เราอยากจะขอพาทุกท่านย้อนอดีตไปพบกับที่มาของดาวยิงแข้งจอมมหาประลัยคนนี้ไปพร้อม ๆ กันได้เลย
ประวัติเมื่อวัยเด็ก
สำหรับข้อมูลของนักเตะเมื่อวัยเด็กของ Luke Shaw คนนี้นั้นชื่อเต็มของเขาคือ ลุค พอล ฮอร์ ชอว์
โดยเป็นหนึ่งในนักเตะที่เกิดวันที่ 12 กรกฎาคม 1995 อายุ 25 ปี สถานที่เกิดอยู่ที่ประเทศอังกฤษกรุงลอนดอนมีส่วนสูงทั้งสิ้น 185 ซ.ม. ตำแหน่งแบ็คซ้าย
เส้นทางอันโดดเด่นกับวงการลูกหนัง
ลู้ก ชอว์ ในวัยเด็กของเขานั้นมีทีมสิงโตน้ำเงินครามเชลซี สุดยอดทีมแห่งกรุงลอนดอนเป็นสโมสรขวัญใจของตัวเขาเอง ซึ่งนี่เองเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นแรงผลักดันชั้นเลิศที่ทำให้มียอดนักเตะคนนี้ในปัจจุบัน ซึ่งในตอนนั้นเมื่อครั้งวัยเด็กเขาฝันว่าจะเป็นหนึ่งในยอดขุนพลแห่งทีมสแตมฟอร์ดบิด ซึ่ง ลู้ก ชอว์ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ได้เข้าไปฝึกทักษะลูกหนังในศูนย์ฝึกเยาวชนของเชลซีอีกด้วยแต่ไม่ว่าอย่างไรโชคก็ยังไม่เข้าข้างเขาเสียทีเดียว ด้วยสุดท้ายก็ทำให้เขาไม่ได้รับการเซ็นสัญญาเข้าทีมอะแคเดมี่ของทีมสิงห์บลูแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนั้น จุดเริ่มต้นของยอดนักเตะผู้มีความพยายามสูงคนนี้ก็ได้เริ่มขึ้นโดย ลู้ก ชอว์
ยังไม่สิ้นหวังและยังได้รับโอกาสเข้าสู่ Academy ของทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 8 ขวบ เท่านั้นแต่ความพยายามและศักยภาพที่มีอยู่ภายในตัวที่ยังไม่ถึงขีดสุดก็ยังสามารถที่จะพัฒนาฝีเท้าไปได้อย่างโดดเด่น เป็นเหตุผลทำให้ตัวเขาเองนั้นมีความเฉียบคมเกินไป ซึ่งตัวเขายังถูกผลักดันมาเล่นในชุด u 18 ตั้งแต่เขาอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ซึ่งในตอนนั้นต้องบอกเลยว่าเริ่มถูกบรรดาแมวมองส่องกล้องมาทางเขาอย่างชัดเจน และต้องการจะดึงตัวไปให้เร็วไวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเชลซี อาร์เซนอล และ Manchester City
ซึ่งต่อมาทางด้าน Shaw ก็ได้ลงสัมผัสในเกมชุดใหญ่ของสุดยอดทีม นักบุญ เซาแธมป์ตัน ในนัดแรกกับเกมสุดมันส์ใน FA Cup ที่จัดการแข่งขันพบกับ มิลล์วอลล์ เมื่อเดือนมกราคม 2012 ซึ่งในตอนนั้นเจ้าหนู ลู้ก ชอว์ ยังมีวัยเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้นเอง แต่ได้ถูกมอบโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนตัวลงสนามมาในช่วง 13 นาทีสุดท้ายของเกม ซึ่งหลังจากจบในซีซั่นนั้นทีมนักบุญก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกและทางสโมสรได้จับ 4 ดาวรุ่งพุ่งแรงเซ็นสัญญาเป็นนักเตะมืออาชีพเต็มตัวได้แก่ คัมลัม แชมเบอร์ส, แจ็ค สตีเฟนส์, เจมส์ วอร์ด พราวล์ และตัวเขานั่นก็คือ ลู้ก ชอว์
ต่อมากระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2012 ชอว์ นั้นก็ได้รับโอกาสในการลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกและสร้างสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดของ Southampton ที่เล่นเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีก่อนที่จะได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องในฤดูกาล 2012 ถึง 2013 และลงเล่นในพรีเมียร์ลีกถึง 25 นัด ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับวัยรุ่นที่มีอายุเทียบเท่ากับเขาเพียง 17-18 ปีเท่านั้น
แสงที่เริ่มเฉิดฉาย
จากนั้นในฤดูกาลต่อมาตัวของ Luke Shaw ก็ยิ่งฉายแสงสู่ใจกลางของสปอร์ตไลท์มากขึ้นไปอีกโดยได้ลงเล่นในสนามพรีเมียร์ลีกมากถึง 35 นัด พร้อมกันนั้นยังติดเป็นหนึ่งในทีมยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ Season 2013 ถึง 2014 และในขณะเดียวกันบรรดากูรู และแฟนคลับลูกหนังต่างออกมาสรรเสริญเยินยอว่าตัวของเขานั้นเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่มีความแข็งแกร่งพร้อมทั้งยังมีเทคนิคที่โดดเด่นยอดเยี่ยม ซึ่งมีความสามารถสูงเพียงพอที่จะ create จังหวะการทำเกมใหม่ ๆ ในการเติมเต็มเกมลุกได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมาพร้อมความดุดันจนถูกนำไปเปรียบเทียบกับ แกเรธ เบล ซึ่งเติบโตมาจาก เซาแธมป์ตัน เช่นเดียวกันเลยทีเดียว
การก้าวเดินครั้งยิ่งใหญ่
ด้วยผลงานที่โดดเด่นในขณะนั้นจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าเพราะเหตุใด ลู้ก ชอว์ ถึงเป็นที่หมายปองของบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ที่ต่างจ้องตาเป็นมัน หวังได้ตัวมาครอบครองกันเป็นที่สุด ซึ่งท้ายแล้วปีศาจแดงก็สมหวังเพราะได้ลายเซ็นจากหนุ่มดาวรุ่งวัย 19 ปีคนนี้ไปครอง เมื่อเดือนมิถุนายน 2014 ด้วยค่าตัวประมาณ 30 ล้านปอนด์ จึงทำให้เขานั้นเป็นหนึ่งในดาวรุ่งอายุไม่ถึง 20 ปีที่ค่าแพงที่สุดในโลกในเวลานั้นอีกด้วย ปีแรกกับ manchester united ในปี 2014 ถึง 2015 ตัวของ ลู้ก ชอว์ได้ลงเล่น 20 นัดในทุกรายการแล้วก็ค่อยปรับตัวเข้ากับทีมได้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากการบาดเจ็บถึงขั้นขาหักจากการปะทะกับ เอคตอร์ โมเรโน่ ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยอาการบาดเจ็บดังกล่าวส่งผลให้ตัวเขาเองนั้นต้องพักยาวเกือบ 1 ปี แล้วกลับมาลงสนามอีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่สามารถเรียกความเก่งกลับมาได้กระทั่งปี 2018 ถึง 2019 ตัวเขาเองกลับมาฟิตอีกครั้ง แล้วยึดตำแหน่งแบ็คซ้ายตัวจริงของทีมได้อย่างโดดเด่น โดยหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้เป็นกำลังสำคัญหลักของแนวรับ ปีศาจแดงได้เป็นอย่างดี ซึ่งในบางแมตเขาเองยังได้สามารถฮุบเอาแบ็คซ้ายเข้าไปยืนเป็นเซนเตอร์แบ็คได้อีกด้วย จนมาถึงฤดูกาลปัจจุบันเขาก็ยังเป็นหนึ่งในขุนพลคู่ใจที่ประจำการอยู่ในแผงหลังของสุดยอดทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกและเขาคนนั้นก็ยังสยายปีกป้องกันการบุกของทุกทีมที่เข้ามาต่อกรอย่างไม่มีเหนื่อยล้า